วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

# คำสั่งที่ใช้ในการเทรด เเละพื้นฐาน

 


1. Market Order - ออเดอร์ที่ buy หรือ Sell จากราคาของตลาดปัจจุบัน  

    ตัวอย่าง เช่น EUR/USD ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.2800 ถ้าคุณต้องการ Buy ที่ราคานี้ คุณก็คลิก Buy  แล้วคุณก็จะได้ราคานี้ทันที
2. Limit Order - ออเดอร์ที่ถูกแทนที่ด้วย Buy หรือ Sell จากราคาล่วงหน้า (ตั้งไว้สวนนั่นเอง)
    ตัวอย่าง เช่น ถ้าตอนนี้ราคาของ EUR/USD อยู่ที่ 1.2800 หากคุณต้องการตั้งสวน Buy ที่ 1.2780 คุณต้องใช้ คำสั่ง Buy Limit เมื่อราคาลงไปถึง 1.2780 ไปชนออเดอร์ของคุณ คุณก็จะได้ราคานี้ทันที
3. Stop Order - ออเดอร์ที่ถูกแทนที่ด้วย Buy หรือ Sell จากราคาล่วงหน้าเช่นกัน (แต่เป็นการตั้งตามแนวโน้ม)
    ตัวอย่าง เช่น ถ้าตอนนี้ราคาของ EUR/USD อยู่ที่ 1.2800 แล้วคุณต้องการ Buy เมื่อราคาสามารถทะลุแนวต้านที่ 1.2820 คุณก็อาจจะไปตั้ง Buy Stop ที่ราคา 1.2820 ถ้าราคาผ่าน 1.2820 ได้ ราคาก็จะไปชน Limit order ของคุณ
4. Stop Loss - จุดหยุดการขาดทุน (กรณีที่มีการเข้าออเดอร์อยู่แต่ไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอ การ Stop loss สามารถช่วยคุณได้) 
    ตัวอย่าง เช่น ถ้าคุณ Buy EUR/USD ที่ราคา 1.2820 คุณต้องการที่จะหยุดขาดทุนที่ 20 pips คุณก็สามารถตั้ง Stop loss ได้ที่ราคา 1.2800  เมื่อราคาลงมาถึง 1.2800 ออเดอร์ของคุณก็จะหยุดทันที  Stop Loss สามารถช่วยหยุดการขาดทุนของคุณได้ ช่วยให้เงินของคุณไม่หมดพอร์ต
5. Target / Take Profit - ราคาเป้าหมายหรือกำไรที่คุณต้องการ 
    ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการกำไรจาก Order Buy ที่ราคา 1.2820  โดยหวังกำไรจากรายการนี้ 20 pips คุณก็ตั้ง Target / Take Profit ไว้ที่ 1.2840
 _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

Bid / Ask / Spread คือ อะไร
ในตารางแสดงราคาฟอเร็กจะประกอบด้วย Bid และ Ask ราคา Bid จะต่ำกว่าราคา Ask เสมอ
- "Bid" คือ ราคาที่ Dealer กำลังจะซื้อ Base Currency ในการแลกเปลี่ยนสำหรับ Quote Currency แบบนี้หมายความว่า Bid ก็คือราคาที่คุณจะขาย (sell)
- "Ask" คือ ราคาที่ Dealer กำลังจะขาย Base Currency ในการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้ Quote Currency แบบนี้หมายความว่า Ask คือราคาที่คุณจะซื้อ (Buy)
- "Spread" คือ ส่วนต่างระหว่าง ราคา Bid และ Ask
 _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
Long และ Short คืออะไร
     เนื่องจากการเทรด Forex สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มการเทรด Forex ผู้ที่ต้องการเทรดจะต้องรู้ว่าคุณต้องการจะซื้อ (Buy) หรือ ต้องการจะขาย (Sell)

- ถ้าคุณเชื่อว่า Base Currency จะมีค่ามากขึ้น แสดงว่า คุณต้องการที่จะซื้อ (Buy) ก่อนแล้วจึงขายที่ราคาสูงกว่า แบบนี้จะเรียกว่า Long Position เรียกกันย่อๆว่า "Long" (เป็นที่รู้กันว่า Long = Buy)
- ถ้าคุณเชื่อว่า Base Currency จะมีค่าน้อยลง แสดงว่า คุณต้องการที่จะขาย (Sell) ก่อนแล้วจึงซื้อที่ราคาต่ำกว่า แบบนี้จะเรียกว่า Short Position เรียกกันย่อๆว่า "Short" (เป็นที่รู้กันว่า Short = Sell)
 _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

Leverage 

     Leverage คือ จำนวนเปอร์เซ็นต์ที่ได้ยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อทำการเปิดออเดอร์เทรด ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อคุณซื้อ 100 หุ้นในตลาดหุ้นโดยที่ราคาหุ้นละ 10 $ ต่อหุ้น คุณต้องใช้เงิน 1000$ เพื่อ เปิดการเทรด บางโบรกเกอร์ให้คุณยืมเงินเพื่อเทรดสูงถึง 50-80% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด แทนที่คุณจะใช้เงิน 1000$ แต่คุณกลับใช้แค่ 500 $ เท่านั้น เพื่อทำการเทรด สิ่งนี้แหละที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถซื้อหุ้นได้มาก โดยใช้เงินเท่าเดิม อย่างไรก็ตามทางโบรกเกอร์ก็จะชาร์จกำไรจากการยืมของคุณ หลักการณ์นี้ก็นำมาใช้กับตลาด Forex


        โบรกเกอร์ฟอเร็กให้คุณยืมถึง 99 % ของทั้งหมดเพื่อให้คุณเปิดการเทรดและคุณก็ใช้มันเพียงแค่ 1 % เท่านั้น ถ้าคุณต้องการเทรด 1000$ คุณใช้มันเพียงแค่ 10 $ นี่แหละครับ คือความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นและตลาดฟอเร็กซ์ และตลาดฟอเร็กไม่ชาร์จกำไรจากการยืมของคุณด้วย

        เอาล่ะครับ หลายๆคนอาจจะงง เรามาดูกันเลยครับ ว่า Leverage ที่โบรกเกอร์ฟอเร็กได้กำหนดไว้มีเท่าไรบ้าง โดยส่วนมากโบรกเกอร์จะกำหนด Leverage ตั้งแต่
Leverage       
1:1
1:2
1:10
1:100
1:200
1:400
1:500
1:1000
1:2000  เฉพาะบางโบรกเกอร์ เท่านั้น เช่น Exness Broker
 _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

SpyLove.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น