1. Common Gap
2. Breakaway Gap
3. Runaway Gap
4. Exhausting Gap
3. Runaway Gap
4. Exhausting Gap
1. Common Gap : เป็น GAP แบบธรรมดาที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ มีความสำคัญน้อยจะเกิดได้ในช่วงที่มีการซื้อ ขาย เบาบาง สังเกตดูได้จาก Volume ของหุ้นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ซึ่งจะมาพร้อมกับบการแกว่งตัวของราคาออกด้านข้าง sideway เรียกได้ว่าเจอ GAP แบบนี้ก็ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นตกใจ
2. Breakaway Gap : การกระโดดของราคาทั้งในทิศทางขาขึ้นและขาลง เรียกได้ว่าจะเกิดเมื่อมีการฟอร์มรูปแบบทิศทางของราคาที่ชัดเจนแล้ว และมีการกระโดดของ Volume เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยที่น่าสังเกตอีกประการคือดัชนีเช่น RSI หรือ STO อาจจะยังไม่มีการปรับเพิ่มขึ้นทันกับการเปลี่ยนแปลงของราคาในระหว่างวัน ตัวนี้เจอบ่อยกรณีที่มีข่าวดีหรือร้ายออกมากระทบกับตัวหุ้นBreakaway Gap ถ้าเกิดแล้ว ส่วนมากจะไม่สามารถปิดได้ในทิศทางเดียวกัน จะต้องมีการกลับตัวเพื่อเปลี่ยนทิศาทางของราคาก่อนจึงจะสามารถปิดได้ และนอกจากนี้ GAP ยังสามารถนำมาใช้เป็นแนวรับแนวต้านของการเคลื่อนตัวของราคาได้อีกด้วย
3. Runaway Gap : ตัวนี้จะมักเกิดตามหลัง Breakaway Gap เมื่อทิศทางของราคาชัดเจน และมีความมั่น ใจมากขึ้น ประกอบกับ volume มีมาต่อเนื่อง บางตำราก็กำหนดให้ Runaway GAP เป็นตัวหลักไมล์วัด ระยะการวิ่งของราคาในทิศทางนั้นโดย Runaway GAP จะเกิดที่ครึ่งทางของราคานับจากที่เกิด Breakaway Gap หรือเรียกได้ว่าเป็นจุดบอกการกลับตัวในทิศทางตรงข้ามที่กำลังจะมาถึงในอีกครึ่ งทางข้างหน้า และแน่นอนว่าถ้าเป็น Runaway GAP จริง (ไม่ใช่ common gap) ตัว GAP จะไม่ถูกปิดลงก่อนครับ
4. Exhausting Gap : GAP สุดท้ายที่จะอาจจะเกิดก่อนจะมีการกลับตัวของราคา เป็น GAPปลายทาง กรณีที่เป็นขาขึ้น ถ้าเกิด Exhausting Gap ก็จะเป็นการเตือนถึงการหมดแรงในขาขึ้น เป็นการกระโดดครั้งสุดท้ายก่อนจะจบรอบในทิศทางนี้ แน่นอนว่าถ้าเจอ Exhausting Gap ในขาขึ้นก็ควรที่จะทยอยออกมิใช่รับเพิ่มนะครับ Exhausting Gap มีโอกาสที่จะถูกปิดหรือไม่ก็ได้
GAP นี้ในขาขึ้นต้องระวัง เพราะเป็น GAP ชมดอยล่อแมงเม่า ควรจะพิจารณา RSI ถึงค่าOverbought ควบคู่ไปด้วยครับ ก่อนที่จะเข้าซื้อตามไป
GAP นี้ในขาขึ้นต้องระวัง เพราะเป็น GAP ชมดอยล่อแมงเม่า ควรจะพิจารณา RSI ถึงค่าOverbought ควบคู่ไปด้วยครับ ก่อนที่จะเข้าซื้อตามไป
การเกิด GAP ไม่จำเป็นต้องเกิดพร้อมกันทั้ง หมด ส่วนมากที่จะเจอคือ Common GAP และBreak away GAP และการใช้ GAP คู่กับ Chart Pattern ใน TF ระดับนาทีหรือระดับวัน จะมีประโยชน์มากกับนักลงทุน เพื_อใช้วางแนวรับ แนวต้านในการสังเกตการณ์เคลื่นที่ของราคาหุ้น
ผู้ลงทุนระยะกลางและยาวก็สามารถ นำความหมายที่ซ่อนอยู่ของ การเกิด GAP มาใช้เพื่อสร้างโอกาสได้ แต่ว่าสิ่งที่แน่นอนมักไม่มีอะไรแน่นอนเสมอไป การนำ GAP ไปใช้ก็เป็นเพียงการนำรูปแบบราคามาประกอบร่วมกับการตัดสินใจด้วยเครื่องมือทางเทคนิคชนิดอื่นๆ
ภาพตัวอย่าง การเกิด GAP ทั้งในทิศทางขาขึ้นและลง โดยเราสามารถนำ GAP มาใช้เป็นแนวต้าน แนวรับในการสังเกตราคาได้ จากประสบการณ์ผม ผมสนใจ Breakaway GAP มากกว่ายิ่ง เกิดใกล้กับแนวต้าน แรงสะดุ้งซื้อยิ่ง มากแบบนี้โอกาสที่ความแข็งแรงของแนวโน้มขาขึ้นก็จะสูงมากขึ้นด้วยครับ
SpyLove.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น