RSI - Relative Strength Index หรือ ดัชนีวัดความแข็งแรงของตลาด
RSI พัฒนาขึ้นโดย J. Welle Wider Jr. โดยมีสูตรคำนวนว่า RSI = 100-[100/(1+RS)] เป็นดัชนีวัดการแกว่งตัวของราคา โดยทั่วไปของการใช้งานคือ
1. เมื่อ RSI มีค่ามากกว่า 70 ก็จะเข้าเขตการซื้อมากเกินไป หรือ (Overbought)
2. ตรงกันข้าม เมื่อ RSI มีค่าน้อยกว่า 30 ก็จะเข้าเขตการขายมากเกินไป (Oversold)
3. เมื่อเส้น RSI ตัดค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่"ขึ้น" เป็นสัญญาณซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดในบริเวณ 0-30 หรือ (Oversold)
4. และตรงกันข้าม เมื่อเส้น RSI ตัดค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่"ลง" เป็นสัญญาณขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเกิดในบริเวณ 70-100 หรือ (Overbought)
ภาพประกอบ
ส่วนสี่เหลี่ยมด้านล่าง ที่ต่ำกว่าเส้น 30 ก็คือเหตุการณ์ตรงกันข้าม เรียกว่า Bottom Failure Swing คือ เส้น RSI ตัดไปตัดมา ที่ เส้น 30 ความหมายคือ มันเป็นสัญญาณซื้อ (RSI มีความสัมพันธ์กับเวลา จึงเรียกว่า ความแกว่ง)
************************************
ตัวอย่างเส้น RSI
เส้น RSI ค่อนข้างใช้งานง่าย เพราะมันมีเส้นเดียว และเส้น RSI ก็สามารถตั้งค่าได้เช่นกัน แต่ที่เขานิยมใช้คือ เส้น "14"
ค่า RSI ตัวนี้ เป็นดัชนี วัดค่าความแกว่ง มีค่าจาก 0-100 ถ้า เส้นขึ้นเกิน 70 มันก็จะเข้าเขตการซื้อมากเกินไป และถ้าเส้นต่ำกว่า 30 ก็จะเข้าเขตการขายมาเกินไป
ดูรูปข้างบน เราจะเห็น เส้น RSI ตัดไป ตัดมา ที่เส้น 70 นั้น เป็นสัญญาณลงที่แรง เรียกว่า Top Failure Swing
ถ้า RSI ยังไม่เข่าสู่ (Overbought) หรือ (Oversold) ก็สามารถมีการขึ้นๆลงๆของราคาได้
SpyLove.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น